แพลตฟอร์มต่างชาติ “ผูกขาดชีวิตคนไทย” …แล้วเรายังเหลืออะไรให้ทำ | Money Buffalo
วันนี้พี่ทุยอยากชวนคิด…แพลตฟอร์มที่เราใช้ทุกวัน มันยัง “ช่วยเรา” อยู่ไหม หรือจริง ๆ แล้ว...เราแค่กำลัง “ช่วยเขา” กันแน่
ทุกคนรู้ไหมครับว่า แพลตฟอร์มซื้อขายทุกวันนี้ใหญ่ ๆ ที่คนไทยใช้กันเกือบทั้งหมด ไม่มีแม้แต่รายเดียวที่เป็นของคนไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาด แบบนี้ครับ
- Shopee (สิงคโปร์) 49%
- Lazada (จีน) 30%
- TikTok Shop (จีน) 21%
รวมกันแล้ว ครองตลาด 100% ของอีคอมเมิร์ซไทย ซึ่งทั้งหมด...ไม่ใช่ของเราเลยแม้แต่เจ้าเดียว และที่น่ากลัวกว่านั้นคือ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ขายอยู่ในแพลตฟอร์มเหล่านี้ ตอนนี้ดันกลายไปอยู่ในมือของต่างชาติแทบ 100% แล้ว เพราะวันนี้แพลตฟอร์มไม่ได้แค่ “เข้ามาขายของ” แต่กำลัง “ผูกขาดชีวิตเรา” ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ แล้ว
จาก “ตัวช่วยขายของ” สู่ “เจ้าของทุกอย่าง”
ตอนแรก แพลตฟอร์มพวกนี้ ทำตัวเหมือน “เพื่อนคู่คิด” ของพ่อค้าแม่ค้า ค่าธรรมเนียมถูก ค่าขนส่งเลือกได้หลายเจ้า เหมือนเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามาแข่งกันอย่างเท่าเทียม แต่พอเขากลายเป็น ‘เจ้าตลาด’ เมื่อไหร่...
ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป
- ค่าธรรมเนียม (GP) จากเดิมที่เคยอยู่ราว 20–23.5% ตอนนี้บางแพลตฟอร์มขึ้นไปแตะ 25% ภายในเวลาไม่ถึงปี หมายความว่า...ขายของ 100 บาท หายไป 25 บาทให้แพลตฟอร์ม
- ระบบขนส่ง ที่เมื่อก่อนเราเลือกได้เอง ตอนนี้ถูก “ล็อก” ให้ใช้เฉพาะขนส่งในเครือของแพลตฟอร์ม
- สินค้าในระบบ ที่เคยมีแต่ร้านค้าคนไทย วันนี้กลับเต็มไปด้วยสินค้าที่มาจากประเทศของแพลตฟอร์มนั้นเอง ขายแข่งกันในระบบในราคาที่ถูกกว่า เพราะต้นทุนถูกกว่า
พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ เจ้าของแพลตฟอร์มก็เป็นเขา เจ้าของสินค้าก็เป็นเขา เจ้าของขนส่ง...ก็เป็นเขาอี๊ก เฮ้อได้ยินละปวดใจ
แล้วคนไทยล่ะ...เหลืออะไรให้ทำ ?
หรือจริง ๆ แล้ว...เรากลายเป็นแค่ “วุ้นแปลภาษา” ให้เขาเฉย ๆ ? ลองมองดี ๆ นะ สินค้าส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ทุกวันนี้ ต้นทางมาจากต่างประเทศแทบทั้งหมด ส่วนเราคนไทย...เหลือแค่ “ช่วยเขาแปลภาษา” ให้ขายของในประเทศเราได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
สุดท้าย...เราก็เหลือแค่ “พูดภาษาไทยให้เขาฟังรู้เรื่อง” เพื่อให้ของของเขาขายได้ในบ้านเราเท่านั้นเอง
เมื่อแพลตฟอร์มผูกขาดทั้งระบบจะเกิดอะไรขึ้น ?
พอแพลตฟอร์มกุมทุกอย่างไว้ได้หมด มันก็กลายเป็น “ของจำเป็น” สำหรับคนไทยไปโดยปริยาย
จะขายของก็ต้องผ่านเขา
จะสั่งของก็ต้องผ่านเขา
จะขนส่งของก็ต้องผ่านระบบของเขา
และนี่แหละ...คือ “กฎของการผูกขาด” ยิ่งเขาเป็นเจ้าของมากเท่าไหร่ ยิ่งไม่มีใครแข่งได้ พอถึงจุดนั้น...เขาก็ตั้งราคายังไงก็ได้
วันนี้ของอาจจะยังถูก แต่วันข้างหน้า...เมื่อไม่มีคู่แข่งเหลืออยู่ ค่าธรรมเนียม ค่าขนส่ง หรือค่า GP ก็อาจพุ่งขึ้นอีก
สุดท้ายคนไทยก็ต้อง “ซื้อของแพงขึ้น” ในขณะที่รายได้กลับ “ลดลง” เพราะเงินไหลออกไปต่างประเทศ
สินค้าที่ขายดีเป็นของต่างชาติ และอาชีพที่เคยเลี้ยงคนไทยได้... ก็จะค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยระบบของแพลตฟอร์มเหล่านี้ทั้งหมด
รายได้หด รายจ่ายเพิ่ม เมื่อระบบนี้ไม่ใช่ของเรา
ในขณะที่แพลตฟอร์มเก็บ GP มากขึ้น ผู้ประกอบการรายย่อยกำไรหด บริษัทขนส่งไทยรายได้ลดลง
อย่าง ไปรษณีย์ไทย รายได้จาก 30,000 ล้านบาท เหลือเพียง 20,000 ล้านบาท ส่วนผู้บริโภค...ก็ต้องเจอกับค่าขนส่งและค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ
พูดง่าย ๆ คือ รายได้ประเทศหด แต่รายจ่ายคนไทยเพิ่มแน่ ๆ เพราะเงินที่เคยหมุนอยู่ในระบบไทย กำลังถูกดูดออกไปต่างประเทศแทบทั้งหมด
คำถามที่พี่ทุยอยากให้คิด..เมื่อเจ้าของแพลตฟอร์มก็เป็นเขา เจ้าของสินค้าก็เป็นเขา เจ้าของขนส่งก็เป็นเขา แล้วเราคนไทย... เหลืออะไรให้ทำในระบบนี้อีกไหม ? หรือจริง ๆ แล้ว... เรากลายเป็นแค่ “วุ้นแปลภาษา” ที่ช่วยให้ต่างชาติขายของในประเทศเรา...ได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเองล่ะครับ
#MoneyBuffalo #สนุกง่ายได้ประโยชน์ #ตลาดผูกขาด #สินค้าจีน #Shopee #Lazada #Tiktok #อีคอมเมิร์ซไทย #แพลตฟอร์มต่างชาติ #เศรษฐกิจไทย
วันนี้พี่ทุยอยากชวนคิด…แพลตฟอร์มที่เราใช้ทุกวัน มันยัง “ช่วยเรา” อยู่ไหม หรือจริง ๆ แล้ว...เราแค่กำลัง “ช่วยเขา” กันแน่
ทุกคนรู้ไหมครับว่า แพลตฟอร์มซื้อขายทุกวันนี้ใหญ่ ๆ ที่คนไทยใช้กันเกือบทั้งหมด ไม่มีแม้แต่รายเดียวที่เป็นของคนไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาด แบบนี้ครับ
- Shopee (สิงคโปร์) 49%
- Lazada (จีน) 30%
- TikTok Shop (จีน) 21%
รวมกันแล้ว ครองตลาด 100% ของอีคอมเมิร์ซไทย ซึ่งทั้งหมด...ไม่ใช่ของเราเลยแม้แต่เจ้าเดียว และที่น่ากลัวกว่านั้นคือ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ขายอยู่ในแพลตฟอร์มเหล่านี้ ตอนนี้ดันกลายไปอยู่ในมือของต่างชาติแทบ 100% แล้ว เพราะวันนี้แพลตฟอร์มไม่ได้แค่ “เข้ามาขายของ” แต่กำลัง “ผูกขาดชีวิตเรา” ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ แล้ว
จาก “ตัวช่วยขายของ” สู่ “เจ้าของทุกอย่าง”
ตอนแรก แพลตฟอร์มพวกนี้ ทำตัวเหมือน “เพื่อนคู่คิด” ของพ่อค้าแม่ค้า ค่าธรรมเนียมถูก ค่าขนส่งเลือกได้หลายเจ้า เหมือนเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามาแข่งกันอย่างเท่าเทียม แต่พอเขากลายเป็น ‘เจ้าตลาด’ เมื่อไหร่...
ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป
- ค่าธรรมเนียม (GP) จากเดิมที่เคยอยู่ราว 20–23.5% ตอนนี้บางแพลตฟอร์มขึ้นไปแตะ 25% ภายในเวลาไม่ถึงปี หมายความว่า...ขายของ 100 บาท หายไป 25 บาทให้แพลตฟอร์ม
- ระบบขนส่ง ที่เมื่อก่อนเราเลือกได้เอง ตอนนี้ถูก “ล็อก” ให้ใช้เฉพาะขนส่งในเครือของแพลตฟอร์ม
- สินค้าในระบบ ที่เคยมีแต่ร้านค้าคนไทย วันนี้กลับเต็มไปด้วยสินค้าที่มาจากประเทศของแพลตฟอร์มนั้นเอง ขายแข่งกันในระบบในราคาที่ถูกกว่า เพราะต้นทุนถูกกว่า
พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ เจ้าของแพลตฟอร์มก็เป็นเขา เจ้าของสินค้าก็เป็นเขา เจ้าของขนส่ง...ก็เป็นเขาอี๊ก เฮ้อได้ยินละปวดใจ
แล้วคนไทยล่ะ...เหลืออะไรให้ทำ ?
หรือจริง ๆ แล้ว...เรากลายเป็นแค่ “วุ้นแปลภาษา” ให้เขาเฉย ๆ ? ลองมองดี ๆ นะ สินค้าส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ทุกวันนี้ ต้นทางมาจากต่างประเทศแทบทั้งหมด ส่วนเราคนไทย...เหลือแค่ “ช่วยเขาแปลภาษา” ให้ขายของในประเทศเราได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
สุดท้าย...เราก็เหลือแค่ “พูดภาษาไทยให้เขาฟังรู้เรื่อง” เพื่อให้ของของเขาขายได้ในบ้านเราเท่านั้นเอง
เมื่อแพลตฟอร์มผูกขาดทั้งระบบจะเกิดอะไรขึ้น ?
พอแพลตฟอร์มกุมทุกอย่างไว้ได้หมด มันก็กลายเป็น “ของจำเป็น” สำหรับคนไทยไปโดยปริยาย
จะขายของก็ต้องผ่านเขา
จะสั่งของก็ต้องผ่านเขา
จะขนส่งของก็ต้องผ่านระบบของเขา
และนี่แหละ...คือ “กฎของการผูกขาด” ยิ่งเขาเป็นเจ้าของมากเท่าไหร่ ยิ่งไม่มีใครแข่งได้ พอถึงจุดนั้น...เขาก็ตั้งราคายังไงก็ได้
วันนี้ของอาจจะยังถูก แต่วันข้างหน้า...เมื่อไม่มีคู่แข่งเหลืออยู่ ค่าธรรมเนียม ค่าขนส่ง หรือค่า GP ก็อาจพุ่งขึ้นอีก
สุดท้ายคนไทยก็ต้อง “ซื้อของแพงขึ้น” ในขณะที่รายได้กลับ “ลดลง” เพราะเงินไหลออกไปต่างประเทศ
สินค้าที่ขายดีเป็นของต่างชาติ และอาชีพที่เคยเลี้ยงคนไทยได้... ก็จะค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยระบบของแพลตฟอร์มเหล่านี้ทั้งหมด
รายได้หด รายจ่ายเพิ่ม เมื่อระบบนี้ไม่ใช่ของเรา
ในขณะที่แพลตฟอร์มเก็บ GP มากขึ้น ผู้ประกอบการรายย่อยกำไรหด บริษัทขนส่งไทยรายได้ลดลง
อย่าง ไปรษณีย์ไทย รายได้จาก 30,000 ล้านบาท เหลือเพียง 20,000 ล้านบาท ส่วนผู้บริโภค...ก็ต้องเจอกับค่าขนส่งและค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ
พูดง่าย ๆ คือ รายได้ประเทศหด แต่รายจ่ายคนไทยเพิ่มแน่ ๆ เพราะเงินที่เคยหมุนอยู่ในระบบไทย กำลังถูกดูดออกไปต่างประเทศแทบทั้งหมด
คำถามที่พี่ทุยอยากให้คิด..เมื่อเจ้าของแพลตฟอร์มก็เป็นเขา เจ้าของสินค้าก็เป็นเขา เจ้าของขนส่งก็เป็นเขา แล้วเราคนไทย... เหลืออะไรให้ทำในระบบนี้อีกไหม ? หรือจริง ๆ แล้ว... เรากลายเป็นแค่ “วุ้นแปลภาษา” ที่ช่วยให้ต่างชาติขายของในประเทศเรา...ได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเองล่ะครับ
#MoneyBuffalo #สนุกง่ายได้ประโยชน์ #ตลาดผูกขาด #สินค้าจีน #Shopee #Lazada #Tiktok #อีคอมเมิร์ซไทย #แพลตฟอร์มต่างชาติ #เศรษฐกิจไทย
แพลตฟอร์มต่างชาติ “ผูกขาดชีวิตคนไทย” …แล้วเรายังเหลืออะไรให้ทำ | Money Buffalo
วันนี้พี่ทุยอยากชวนคิด…แพลตฟอร์มที่เราใช้ทุกวัน มันยัง “ช่วยเรา” อยู่ไหม หรือจริง ๆ แล้ว...เราแค่กำลัง “ช่วยเขา” กันแน่
ทุกคนรู้ไหมครับว่า แพลตฟอร์มซื้อขายทุกวันนี้ใหญ่ ๆ ที่คนไทยใช้กันเกือบทั้งหมด ไม่มีแม้แต่รายเดียวที่เป็นของคนไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาด แบบนี้ครับ
- Shopee (สิงคโปร์) 49%
- Lazada (จีน) 30%
- TikTok Shop (จีน) 21%
รวมกันแล้ว ครองตลาด 100% ของอีคอมเมิร์ซไทย ซึ่งทั้งหมด...ไม่ใช่ของเราเลยแม้แต่เจ้าเดียว และที่น่ากลัวกว่านั้นคือ เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ขายอยู่ในแพลตฟอร์มเหล่านี้ ตอนนี้ดันกลายไปอยู่ในมือของต่างชาติแทบ 100% แล้ว เพราะวันนี้แพลตฟอร์มไม่ได้แค่ “เข้ามาขายของ” แต่กำลัง “ผูกขาดชีวิตเรา” ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ แล้ว
📌 จาก “ตัวช่วยขายของ” สู่ “เจ้าของทุกอย่าง”
ตอนแรก แพลตฟอร์มพวกนี้ ทำตัวเหมือน “เพื่อนคู่คิด” ของพ่อค้าแม่ค้า ค่าธรรมเนียมถูก ค่าขนส่งเลือกได้หลายเจ้า เหมือนเปิดโอกาสให้ทุกคนเข้ามาแข่งกันอย่างเท่าเทียม แต่พอเขากลายเป็น ‘เจ้าตลาด’ เมื่อไหร่...
ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป
- ค่าธรรมเนียม (GP) จากเดิมที่เคยอยู่ราว 20–23.5% ตอนนี้บางแพลตฟอร์มขึ้นไปแตะ 25% ภายในเวลาไม่ถึงปี หมายความว่า...ขายของ 100 บาท หายไป 25 บาทให้แพลตฟอร์ม
- ระบบขนส่ง ที่เมื่อก่อนเราเลือกได้เอง ตอนนี้ถูก “ล็อก” ให้ใช้เฉพาะขนส่งในเครือของแพลตฟอร์ม
- สินค้าในระบบ ที่เคยมีแต่ร้านค้าคนไทย วันนี้กลับเต็มไปด้วยสินค้าที่มาจากประเทศของแพลตฟอร์มนั้นเอง ขายแข่งกันในระบบในราคาที่ถูกกว่า เพราะต้นทุนถูกกว่า
พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ เจ้าของแพลตฟอร์มก็เป็นเขา เจ้าของสินค้าก็เป็นเขา เจ้าของขนส่ง...ก็เป็นเขาอี๊ก เฮ้อได้ยินละปวดใจ
📌 แล้วคนไทยล่ะ...เหลืออะไรให้ทำ ?
หรือจริง ๆ แล้ว...เรากลายเป็นแค่ “วุ้นแปลภาษา” ให้เขาเฉย ๆ ? ลองมองดี ๆ นะ สินค้าส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ทุกวันนี้ ต้นทางมาจากต่างประเทศแทบทั้งหมด ส่วนเราคนไทย...เหลือแค่ “ช่วยเขาแปลภาษา” ให้ขายของในประเทศเราได้ง่ายขึ้นเท่านั้น
สุดท้าย...เราก็เหลือแค่ “พูดภาษาไทยให้เขาฟังรู้เรื่อง” เพื่อให้ของของเขาขายได้ในบ้านเราเท่านั้นเอง
📌 เมื่อแพลตฟอร์มผูกขาดทั้งระบบจะเกิดอะไรขึ้น ?
พอแพลตฟอร์มกุมทุกอย่างไว้ได้หมด มันก็กลายเป็น “ของจำเป็น” สำหรับคนไทยไปโดยปริยาย
จะขายของก็ต้องผ่านเขา
จะสั่งของก็ต้องผ่านเขา
จะขนส่งของก็ต้องผ่านระบบของเขา
และนี่แหละ...คือ “กฎของการผูกขาด” ยิ่งเขาเป็นเจ้าของมากเท่าไหร่ ยิ่งไม่มีใครแข่งได้ พอถึงจุดนั้น...เขาก็ตั้งราคายังไงก็ได้
วันนี้ของอาจจะยังถูก แต่วันข้างหน้า...เมื่อไม่มีคู่แข่งเหลืออยู่ ค่าธรรมเนียม ค่าขนส่ง หรือค่า GP ก็อาจพุ่งขึ้นอีก
สุดท้ายคนไทยก็ต้อง “ซื้อของแพงขึ้น” ในขณะที่รายได้กลับ “ลดลง” เพราะเงินไหลออกไปต่างประเทศ
สินค้าที่ขายดีเป็นของต่างชาติ และอาชีพที่เคยเลี้ยงคนไทยได้... ก็จะค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยระบบของแพลตฟอร์มเหล่านี้ทั้งหมด
📌 รายได้หด รายจ่ายเพิ่ม เมื่อระบบนี้ไม่ใช่ของเรา
ในขณะที่แพลตฟอร์มเก็บ GP มากขึ้น ผู้ประกอบการรายย่อยกำไรหด บริษัทขนส่งไทยรายได้ลดลง
อย่าง ไปรษณีย์ไทย รายได้จาก 30,000 ล้านบาท เหลือเพียง 20,000 ล้านบาท ส่วนผู้บริโภค...ก็ต้องเจอกับค่าขนส่งและค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ
พูดง่าย ๆ คือ รายได้ประเทศหด แต่รายจ่ายคนไทยเพิ่มแน่ ๆ เพราะเงินที่เคยหมุนอยู่ในระบบไทย กำลังถูกดูดออกไปต่างประเทศแทบทั้งหมด
คำถามที่พี่ทุยอยากให้คิด..เมื่อเจ้าของแพลตฟอร์มก็เป็นเขา เจ้าของสินค้าก็เป็นเขา เจ้าของขนส่งก็เป็นเขา แล้วเราคนไทย... เหลืออะไรให้ทำในระบบนี้อีกไหม ? หรือจริง ๆ แล้ว... เรากลายเป็นแค่ “วุ้นแปลภาษา” ที่ช่วยให้ต่างชาติขายของในประเทศเรา...ได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเองล่ะครับ
#MoneyBuffalo #สนุกง่ายได้ประโยชน์ #ตลาดผูกขาด #สินค้าจีน #Shopee #Lazada #Tiktok #อีคอมเมิร์ซไทย #แพลตฟอร์มต่างชาติ #เศรษฐกิจไทย